จักรยานทัวร์ริ่งหากจะเลือกซื้อต้องถามตัวเองก่อนว่า เราจะนำไปใช้ในรูปแบบใด หากเราจะนำไปใช้ในการขี่ท่องเที่ยวจริงๆ เช่นใช้เดินทางท่องเที่ยวเหมือนฟรั่งที่เขาปั่นจักรยานกันแบบข้ามประเทศ หรือหากเป็นเราๆ ท่านๆ อาจจะแค่เดินทางท่องเที่ยวช่วงวันหยุดยาว ระยะทางอาจจะไม่ไกลมากอาจจะแค่ขี่ข้ามอำเภอ หรือข้ามจังหวัดไปหาที่ตั้งแคมป์เพื่อสัมผัสธรรมชาติอะไรทำนองนี้
สิ่งที่ควรนำมาประกอบการตัดสินใจในการเลือกซื้อจักรยานทัวร์ริ่งมีดังนี้ครับ
2. จักรยานประเภทนี้ต้องขี่สบายไม่ปวดเมื่อยง่ายๆ เพราะเราต้องใช้เวลาอยู่บน จักรยานนานมากๆ ครับ ไม่มีจักรยานคันไหน ที่จะมี Size พอดีกับเราเปะหลอกครับ คือเราต้องปรับตัวเข้ากับจักรยานให้ได้ครับ แต่จักรยานที่ดี ควรทำให้ผู้ขี่มีการปรับตัวให้เข้ากับจักรยานน้อยที่สุดครับ เช่น ปรับแฮนด์, ปรับ Stem หรือ อาจจะปรับเบาะนั่งแค่นิดหน่อย ก็ขี่สบายแล้วครับ
3. จักรยานประเภทนี้ต้องเป็นจักรยานที่ทำให้เราเสียพลังงานน้อยที่สุดใน การกดบรรไดจักรยานแต่ละครั้ง เพราะเราต้องขี่มันเป็นระยะทางไกลๆ หลายร้อยกิโลเมตรดังนั้นจักรยานประเภทนี้ต้องมีความลื่นไหล ของอุปกรณ์ต่างๆ เช่นดุมล้อ, โซ่ และกระโหลกจานเป็นต้น แต่ไม่จำเป็นต้องหาอะไหล่ที่ราคาแพงมากๆ มาใส่ก็ได้ครับอะไหล่ราคาปานกลางก็ไหลลื่นได้ครับหากเลือกซื้อเป็น ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ครับ เมื่อก่อนผมประกอบจักรยานเสือหมอบคันแรกของผม กระโหลกจักรยานผมต้องเรียงเม็ดลูกปืนเอง แต่ยอมรับเลยครับว่ามันลื่นมากๆ ผมว่ามันลื่นกว่าแบบแบริ่งอีกนะครับแถมทน และบำรุงรักษาง่ายกว่าอีกด้วย ดุมล้อก็เช่นกันครับ อีกประการหนึ่งหากต้องการความสบายในการจับแฮนด์ก็ควรหาที่รองผ้าพันแฮนด์มารองก่อนพัน ผ้าพันแฮนด์ สรุปคือ เอาแบบเราขี่แล้วสบายที่สุดครับ
4. ในส่วนของเฟรมจักรยานทัวร์ริ่ง โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบโครโมลี่ (ซึ่งเป็นส่วนผสมระหว่างเหล็กและโมลิบดีนั่ม) ครับเพราะขี่ได้นุ่มนวลกว่า แต่มันจะออกตัวช้าบ้างก็ไม่เป็นไรครับ แต่เมื่อทำความเร็วได้คงที่แล้ว ผู้ขี่จะออกแรงในการปั่นน้อยกว่า เฟรมแบบอลูมิเนียมครับ ซึ่งตรงกับจุดประสงค์ของเรา คือปั่นระยะทางไกลๆ แต่ใช้แรงอย่างประหยัดครับ แต่ข้อเสียของเฟรมแบบโครโมลี่ก็มีนะครับ เช่นดูแลยากเพราะมันขึ้นสนิมได้ครับ และอีกอย่างครับ เวลาขึ้นเนินเขาเราต้องออกแรงเยอะกว่าเฟรมแบบอลูมิเนียมครับ แต่โดยรวมในความคิดของผมก็ยังชอบเฟรมแบบโครโมลี่ มากกว่าอลูมิเนียมครับ แต่ยังไงแล้วก็ขึ้นอยู่กับผู้ที่จะซื้อด้วยครับ ว่าชอบแบบไหน ชอบขี่ทางเรียบเยอะๆ ก็โครโมลี่ แต่หากชอบทางที่เป็นเนินเขาเยอะๆ ก็เลือกอลูมิเนียมครับ
5. ในส่วนของแร็คและบังโคลน ผมถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับจักรยานทัวร์ริ่งครับ เจ้าแร็คนี้จะช่วยให้เราบรรทุกของที่จำเป็นในการเดินทาง และอุปกรณ์จำเป็นอื่นๆ ในการดำรงชีวิต เช่นถุงนอน หรือเต้น ส่วนบังโคลนประโยชน์ของมันคือเวลาเราปั่นไปเจอทางเปียก หรือฝนตกมันจะกันสิ่งสกปรกดีดขึ้นมาใส่เสื้อผ้าเราได้ และยังทำให้รถของเราไม่สกปรกมากเวลาเจอทางที่เป็นโคลนเยอะๆ ครับ
6. แฮนด์จักรยานทัวร์ริ่ง ที่ผมเห็นส่วนใหญ่จะมีสองแบบ คือแบบตรงคล้ายๆ ของจักรยานเสือภูเขา และแบบ Drop ก็แบบเสือหมอบครับ หากคุณจะใช้เพื่อการเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ ผมแนะนำ แบบ Drop ครับเพราะเราสามารถเปลี่ยนการจับแฮนด์ได้หลายแบบ เช่น จับบน, จับล่าง, จับข้าง หรือ จะจับตรงส่วนเบรค มันจะช่วยลดอาการเมื่อยล้าได้เป็นอย่างดีครับ
7. ทางด้านล้อจักรยานประเภทนี้ที่นิยนกันก็จะมี 2 Size ครับคือ ขนาด 26 นิ้ว และ ขนาด 700c ซึ่งขนาด 26 นิ้วเวลาเราขี่จะมีความนิ่ง และไม่วอกแวก เพราะวงล้อมันเล็กกว่าขนาด 700c ครับ
สิ่งที่ผมได้เขียนบรรยายมาข้างบนนั้นก็เพื่อประกอบการตัดสินใจสำหรับใครที่ กำลังมองหาจักรยานทัวร์ริ่ง สักคันแต่ประเด็นหลักแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเราด้วยว่าต้องการจะนำไปใช้ใน การเดินทางไกลจริงๆ หรือเปล่าหากต้องการแค่ ใช้ปั่นเล่นเฉยๆ อันนี้ไม่ต้องลงรายละเอียดมากนักครับ หากเรามีตังก็ซื้อมาใช้ได้เลยครับ แต่หากเราจะนำไปใช้เพื่อเดินทางท่องเที่ยวจริงๆ อันนี้ต้องละเอียดในการเลือกซื้อหน่อยก็ดีครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณแหล่งที่มา : thbike.blogspot.com