
เมื่อ
จับ Honda CBR500R มาเทียบกับ NINJA 300 ผลจะเป็นอย่างไร - See more at:
http://mocyclover.com/honda-cbr500r-%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-ninja-300-%e0%b9%83%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2.html#sthash.ZWRldW23.dpuf
เมื่อ
จับ Honda CBR500R มาเทียบกับ NINJA 300 ผลจะเป็นอย่างไร - See more at:
http://mocyclover.com/honda-cbr500r-%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-ninja-300-%e0%b9%83%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2.html#sthash.ZWRldW23.dpuf
ในฐานะที่เป็นแฟนรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กกว่ามาตรฐานทั่วไป ทางเราก็ได้ตั้งหน้าตั้งตารอการเปิดตัวของมอเตอร์ไซค์ของ
ฮอนด้า CBR500R และ CB500F อย่างใจจดใจจ่อเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อได้พบเจอกับตัวเป็นๆของฮอนด้าทำให้เรานั้นแทบจะน้ำลายสอไปกับมอเตอร์
ไซค์คันน้อยคันนี้เพราะการผสมผสานระหว่างความเป็นรถสปอร์ทและมีความเหนือ
กว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นน้องอย่าง CBR250R และกับ Kawasaki Ninja 300
แต่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่ารถมอเตอร์ไซค์ราคาแพงอย่าง รถ 600cc
supersport และรถสูบคู่ 650cc อย่าง Kawasaki และ Suzuki
มองจากระยะไกลแล้วมอเตอร์ไซค์ในรุ่น CB500
นี้ดูเหมือนจะมีจุดยืนที่เหมาะสมในเรื่องของ ขนาด น้ำหนัก
ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และแน่นอนเรื่องราคาด้วย
โดยมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าในกลุ่ม 500 ราคาสูงสุดก็เป็นรุ่น ABS อย่าง CBR500R
และรุ่นถูกสุดก็เป็นแบบเนคเกตคือ CB500F - See more at:
http://mocyclover.com/honda-cbr500r-%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-ninja-300-%e0%b9%83%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2.html#sthash.ZWRldW23.dpuf
ในฐานะที่เป็นแฟนรถมอเตอร์ไซค์ขนาดเล็กกว่ามาตรฐานทั่วไป ทางเราก็ได้ตั้งหน้าตั้งตารอการเปิดตัว
ของมอเตอร์ไซค์ของฮอนด้า CBR500R และ CB500F อย่างใจจดใจจ่อเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้พบเจอกับตัวเป็นๆของฮอนด้าทำให้เรานั้นแทบจะน้ำลายสอไปกับมอเตอร์ไซค์คันน้อยคันนี้เพราะการผสมผสาน
ระหว่างความเป็นรถสปอร์ทและมีความเหนือกว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นน้องอย่าง CBR250R และกับ Kawasaki Ninja 300 แต่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่ารถมอเตอร์ไซค์ราคาแพงอย่าง รถ 600cc supersport และรถสูบคู่ 650cc อย่าง Kawasaki และ Suzuki มองจากระยะไกลแล้วมอเตอร์ไซค์ในรุ่น CB500 นี้ดูเหมือนจะมีจุดยืนที่เหมาะสมในเรื่องของ ขนาด น้ำหนัก ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และแน่นอนเรื่องราคาด้วย โดยมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าในกลุ่ม 500 ราคาสูงสุดก็เป็นรุ่น ABS อย่าง CBR500R และรุ่นถูกสุดก็เป็นแบบเนคเกตคือ CB500F
ของมอเตอร์ไซค์ของฮอนด้า CBR500R และ CB500F อย่างใจจดใจจ่อเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้พบเจอกับตัวเป็นๆของฮอนด้าทำให้เรานั้นแทบจะน้ำลายสอไปกับมอเตอร์ไซค์คันน้อยคันนี้เพราะการผสมผสาน
ระหว่างความเป็นรถสปอร์ทและมีความเหนือกว่ามอเตอร์ไซค์รุ่นน้องอย่าง CBR250R และกับ Kawasaki Ninja 300 แต่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลกว่ารถมอเตอร์ไซค์ราคาแพงอย่าง รถ 600cc supersport และรถสูบคู่ 650cc อย่าง Kawasaki และ Suzuki มองจากระยะไกลแล้วมอเตอร์ไซค์ในรุ่น CB500 นี้ดูเหมือนจะมีจุดยืนที่เหมาะสมในเรื่องของ ขนาด น้ำหนัก ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ และแน่นอนเรื่องราคาด้วย โดยมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าในกลุ่ม 500 ราคาสูงสุดก็เป็นรุ่น ABS อย่าง CBR500R และรุ่นถูกสุดก็เป็นแบบเนคเกตคือ CB500F
ส่วนเหตุผลหลักที่เราหลงไหลไปกับมอเตอร์ไซค์ฮอนด้าคันเล็กเหล่านี้ (เมื่อเทียบกับรถ Superbike) เก็คงเป็นเพราะการสรรสร้างที่เหมือนจะออกมาอย่างปราณีต และปฏิเสธได้ยากว่ารูปทรงที่ออกมานั้นหล่อเหลือหลาย แม้อาจจะไม่ถึงขั้นจะพูดว่าตะลึงซะทีเดียว ที่ผ่านมาเราเจอมาเยอะแล้วกับมอเตอร์ไซค์ถูกๆที่ขับแล้วดูโหลๆ ระบบกันสะเทือนที่ก้องแก้ง เบรกก็เหมือนของยกโหล กำลังรถที่เหมือนคนไร้ลมหายใจ ชิ้นส่วนตกแต่งก็ประกอบไม่สนิทกระพือลมเสียงดัง เราเจอมาเยอะแล้วรถมอเตอร์ไซค์แบบนั้นอายุของพวกเราคงจะถือเป็นข้อพิสูจน์ได้ แต่เมื่อเรามาเจอมอเตอร์ไซค์ ฮอนด้า CBR250R ที่มาพร้อมกับอุปกรณ์และรูปลักษณ์ที่เหนือกว่ามาตรฐาน ความหวังของเราก็กลับมาอีกครั้ง และแน่นอนว่า CBR500R ก็จะทำให้ความหวังของเรายังเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เปรียบเทียบตัวรถ
ความยากลำบากในการเปรียบเทียบมอเตอร์ไซค์รุ่น 500 นี้อยู่ตรงที่จะหาตัวที่เหมาะสมยาก เราเลยตัดสินใจเลือกเจ้า Kawasaki Ninja 300 ใหม่เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีราคาใกล้เคียงที่สุดแล้ว ซึ่งแม้มันจะต่างประมาณ $1000 (ราว 30,000) สำหรับรุ่นที่มี ABS ทั้งคู่ เราก็คิดว่าในแง่ของสมรรถนะรถแล้วคงไม่ต่างกันมาก เพราะเมื่อเรามองมอเตอร์ไซค์รุ่นถัดไปราคาจะกระโดดไปมากเป็น $1800 และไม่มี ABS ให้เปรียบเทียบ และหลังจากนั้นราคาก็กระโดดไปเลย และสุดท้ายเรารู้ว่า Kawasaki ออก Ninja 300 เมื่อราคาใกล้เคียงกันก็ถือว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ
ความยากลำบากในการเปรียบเทียบมอเตอร์ไซค์รุ่น 500 นี้อยู่ตรงที่จะหาตัวที่เหมาะสมยาก เราเลยตัดสินใจเลือกเจ้า Kawasaki Ninja 300 ใหม่เนื่องจากเป็นรุ่นที่มีราคาใกล้เคียงที่สุดแล้ว ซึ่งแม้มันจะต่างประมาณ $1000 (ราว 30,000) สำหรับรุ่นที่มี ABS ทั้งคู่ เราก็คิดว่าในแง่ของสมรรถนะรถแล้วคงไม่ต่างกันมาก เพราะเมื่อเรามองมอเตอร์ไซค์รุ่นถัดไปราคาจะกระโดดไปมากเป็น $1800 และไม่มี ABS ให้เปรียบเทียบ และหลังจากนั้นราคาก็กระโดดไปเลย และสุดท้ายเรารู้ว่า Kawasaki ออก Ninja 300 เมื่อราคาใกล้เคียงกันก็ถือว่าเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ
เผื่อว่าคุณอาจจะไม่ทราบมาก่อน ก็ขอบอกว่า Kawasaki ออกรุ่น Ninja 300 ในปีนี้ทำให้มอเตอร์ไซค์คันนี้นั้นน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยความจุกระบอกสูบเพิ่มขึ้น 47cc และช่วงชักที่เพิ่มขึ้น 7.8 มม ทำให้มอเตอร์ไซค์สูบคู่ของคาวาซากิคันนี้ให้กำลังช่วงกลางที่ดีขึ้นพร้อมกับความเร็วปลายที่น่าปลาบปลื้มยิ่งขึ้น ขณะที่ทางทีม Kawasaki พยายามหาทางยัดทุกอย่างเข้าไปในเฟรมของเจ้า 300 นี้ มันก็ยังทำให้เราประทับใจไปกับความเหมาะเจาะและความเป็นมิตรในตัวมันเอง เราอาจจะบ่นเล็กน้อยในเรื่องพละกำลังเมื่อเทียบกับเครื่อง 500cc ของฮอนด้ารวมทั้งเรื่องระบบกันสะเทือน แต่เจ้า Ninja 300 ก็สร้างรอยยิ้มให้กับเราได้นั่นว่าทำไมเราถึงเลือกขับคันนี้
ขณะที่ทาง Kawasaki เลือกที่จะเพิ่มขุมกำลังให้กับมอไซค์ที่ถือว่าเป็นสปอร์ทสุดซ่าห์อยู่แล้ว ทางฮอนด้ากลับเลือกที่จะทำในส่ิงที่ต่างกว่า โดยมอเตอร์ไซค์ตระกูล CB500 นั้นถือเป็นมอเตอร์ไซค์ที่มีเสปคเดียวกันทั่วโลก เดี๋ยวค่อยอธิบายทีหลังว่าทำไมตรงนี้สำคัญนะครับ สำหรับ CBR500R แล้วถือว่ามีความเป็นสปอร์ทที่สุดแล้วในบรรดาพี่น้องสามใบเถา ส่วน CB500F นั้นในแง่เครื่องเคราแล้วเหมือนเดิมเพียงแต่ออกมาในแนว Naked โดยเหลือส่วนที่เป็นแฟริ่งแค่ประมาณ 1 ใน 4 เท่านั้น สำหรับรุ่น CB500X ที่ถอดแบบมาจาก NC700X นั้นคาดว่าจะวางตลาดในช่วงปลายปี 2013 นี้
เนื่องจากเราต้องการเทียบเจ้าสูบคู่ของ Honda กับ Ninja 300 เราเลยเลือกรุ่น CBR00R มาเทียบ และเพราะเรามีมอไซค์นินจาที่มีเบรก ABS อยู่แล้วด้วย เราเลยต้องเลือกรุ่นที่มี ABS มาเทียบกันตรงๆ เป้าหมายของฮอนด้าคือการสร้างตลาดขนาด 500cc และต้องการเป็นเจ้าตลาดสำหรับมอเตอร์ไซค์ขนาดนี้ เพื่อให้เป็นรถสำหรับผู้เริ่มต้น ดังนั้นรถจะต้องขับง่ายและขับสนุกตามเอกสารประชาสัมพันธ์ของฮอนด้าในยุโรปได้กล่าวเอาไว้
ในขณะที่เครื่องยนต์ของรุ่น CBR นั้นเป็นเครื่องใหม่แต่ก็ใช่ว่าจะล้ำหน้าซะทีเดียว และด้วยความยาวกระบอกสูบและช่วงชักที่แทบจะเท่ากันนั่นหมายถึงให้แรงบิดสูง และรอบเครื่องการทำงานต่ำ ขนาดลูกสูบของรุ่น 500 นี้ก็จะเหมือนกัลรุ่น CBR600RR แต่ส่วนอื่นจะต่างกันคือ เครื่องรุ่น 500 จะมีค่าความเร็วรอบสูงสุด (Redline) ที่ 8500 รอบต่อนาที อาจจะไม่ต่ำเท่า NC700 ที่ต่ำเพียง 6500 แต่ยังไงก็ตำกว่าตัวเลข 13000 ของ Ninja 300 อยู่มาก เครื่องยนต์รอบต่ำนั้นดีตรงการลดแรงเสียดทานภายในซึ่งเป็นส่ิงที่ทาง Honda ได้พยายามหาวิธีอื่นในการที่จะให้ได้ข้อดีดังกล่าว โดยมี rocker arm ที่แขนงออก จะมีกลีบลูกเบี้ยวแต่ละอันสำหรับแต่ละคู่ของวาล์ว โดยจะมีชิ้นส่วนการหมุนที่ลดแรงเสียดทาน และลูกสูบก็จะมีการกระทำในลักษณะเดียวกันในการลดแรงเสียดทาน
ในขณะที่เครื่องยนต์ของรุ่น CBR นั้นเป็นเครื่องใหม่แต่ก็ใช่ว่าจะล้ำหน้าซะทีเดียว และด้วยความยาวกระบอกสูบและช่วงชักที่แทบจะเท่ากันนั่นหมายถึงให้แรงบิดสูง และรอบเครื่องการทำงานต่ำ ขนาดลูกสูบของรุ่น 500 นี้ก็จะเหมือนกัลรุ่น CBR600RR แต่ส่วนอื่นจะต่างกันคือ เครื่องรุ่น 500 จะมีค่าความเร็วรอบสูงสุด (Redline) ที่ 8500 รอบต่อนาที อาจจะไม่ต่ำเท่า NC700 ที่ต่ำเพียง 6500 แต่ยังไงก็ตำกว่าตัวเลข 13000 ของ Ninja 300 อยู่มาก เครื่องยนต์รอบต่ำนั้นดีตรงการลดแรงเสียดทานภายในซึ่งเป็นส่ิงที่ทาง Honda ได้พยายามหาวิธีอื่นในการที่จะให้ได้ข้อดีดังกล่าว โดยมี rocker arm ที่แขนงออก จะมีกลีบลูกเบี้ยวแต่ละอันสำหรับแต่ละคู่ของวาล์ว โดยจะมีชิ้นส่วนการหมุนที่ลดแรงเสียดทาน และลูกสูบก็จะมีการกระทำในลักษณะเดียวกันในการลดแรงเสียดทาน
ผลที่ได้คือจุดเด่นตรงเครื่องยนต์ที่ลื่นไหล ประหยัดน้ำมัน พร้อมคุณสมบัติที่ถนอมกำลัง อีกเป้าของการออกแบบคือการจำกัดเครื่องยนต์ให้ได้ขนาด 35 กิโลวัตต์หรือ 47 แรงม้า เพื่อให้สอดคล้องกับข้อกำหนดขนาดของรถในบางประเทศ และหากเป้าหมายเครื่องยนต์อยู่ที่ 47 แรงม้าจากเครื่องขนาด 471c แล้วละก็ไม่ต้องการรอบสูงหรือเทคโนโลยีชั้นสูงแต่อย่างใด ความท้าทายจะอยู่ที่การทำให้เครื่องยนต์นั้นลื่นไหลนิ่มนวล เงียบ มีประสิทธิภาพและสอดคล้องข้อจำกับเรื่องกำลัง
การกำหนดขนาดกำลังเป็นเพียงเรื่องนึงเท่านั้น ตระกูล CB ใหม่นี้จะต้องเป็นรถมอเตอร์ไซค์แบบเต็มรูปแบบหรือ full size ด้วย สาวกของ Ninja 250R และ 300 ที่พบว่ารถของพวกเขาเล็กไปน่าจะพอใจหากมาเจอกับฮอนด้า ความจริงก็มีสัดส่วนใกล้เคียงกับ Kawasaki แต่ความรู้สึกเหมือนจะใหญ่กว่าอยู่ 15% ที่เราพูดว่ารู้สึกเพราะความจริงก็ไม่ได้ใหญ่กว่ามาก ด้วยระยะระหว่างล้อขนาด 55.5 น้ิวนั้นก็แค่น้อยกว่าอยู่เพียง 1/4 นิ้วเท่านั้น ความสูงเบาะก็เท่ากัน และท่วงท่าในการขับขี่ที่วัดได้จากเบาะถึงแฮนต์เหมือนจะสั้นกว่าสำหรับฮอนด้า โดยของ Kawasaki จะยกแฮนด์สูงขึ้นเล็กน้อย
มีสองปัจจัยที่จะเสริมความรู้สึก อย่างแรกคือ Honda CBR นั้นจะให้พื้นที่ในการขับขี่มากกว่าคาวาซากิอยู่ 1.3 นิ้ว แต่ความรู้สึกเหมือนจะมากกว่า ข้อที่สองคือเรื่องน้ำหนักรถ โดยเมื่อเติมน้ำมันเต็มถึง มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้าจะหนักอยู่ที่ 430 ปอนด์ หนักกว่า Ducati Panigale S อยู่ 2 ปอนด์ ส่วน Ninja ก็อยู่ที่ 386 ปอนด์ ผลที่ได้คือ ฮอนด้าให้ความรู้สึกว่าเป็นมอเตอร์ไซค์ที่ขับขี่ง่ายแม้คนขับจะน้ำหนักเบา หรือตัวเตี้ย แต่ Kawasaki นั้นจะเบาและปราดเปรียวกว่า
ทดลองขับ
หลังจากเราได้ลองขับโดยเริ่มต้นสตาร์ทเครื่อง เสียงสูบคู่จาก Kawasaki จะกระหิึ่มขึ้นเหมือนกับหัวใจที่เต้นอย่างแรงพร้อมที่จะทะยานไปกับกับคุณเสมือนเป็นลูกสมุนที่พร้อมทำตามคำสั่งเจ้านาย แต่สำหรับฮอนด้าแล้วจะให้รู้สึกที่ผ่อนคลายกว่า พร้อมเสียงวี้เบาๆ ก่อนที่สูบคู่จะฮัมขึ้นมาอย่างนิ่มๆ เมื่อคุณบิดคันเร่ง ตอนนี้ก็จะเห็นเข็มกระดิกบนหน้าจอ LCD ที่ดูชัดเจนกว่าจอสี่เหลื่ยมเล็กของ NC700X เป็นไหนๆ แต่ก็ยังละเอียดสู้หน้าปัทว์แบบเข็มของ Ninja ไม่ได้
เมื่อเริ่มขับออกไป มอเตอร์ไซค์ ฮอนด้ายังให้ความรู้สึกว่าใหญ่กว่าและดูมีความบึกบึนมากว่า ให้แรงบิดที่รอบต่ำที่ดีกว่าคาวาซากิ พร้อมกับคลัชที่เบาและลื่นไหลกว่ามาก นักบิดหน้าใหม่แล้วอาจจะชอบสำหรับการขับขี่ในเมือง เพราะจ้า CBR500 นี้จะให้แรงบิดมากที่จะไล่กวดสี่ล้อได้ทันโดยไม่ต้องใช้ความเร็วรอบที่สูงเกินไป และยังนิ่มนวลอย่างน่าทึ่งหลังจากบิดไปได้ 4000 รอบต่อนาที่ ซึ่งการสั่นของรถแทบจะหายไปเลย และเมื่อบิดไปจนถึง redline ก็จะให้ความรู้สึกที่เร้าใจขึ้น
ในขณะที่อีกฟากหนึ่ง เราก็พบว่าเจ้าเครื่องนินจานั้นเป็นเครื่องยนต์ที่น่าหลงไหลในอีกรูปแบบหนึ่ง เจ้านินจา 300 นั้นให้อัตราเร่งที่น่าพอใจทีเดียวในช่วงความเร็วรอบระหว่าง 6000 ถึง 12,000 รอบต่อนาที เมื่อลดเกียร์ลงรอบสูงขึ้น มาพร้อมกับแรงบิดที่ยินดีจะลุยในทุกสถานการณ์
หากเจอสภาพแวดล้อมที่เหมาะเจาะแล้วละก็ Ninja จะพาคุณพบกับความระทึกที่ไม่มีวันจบสิ้น แม้ว่ามอเตอร์ไซค์ทั้งสองจะมีอุปกรณ์เสริมที่ไม่ค่อยจะไฮเทคนัก สิ่งที่คุณจะต้องปรับแต่งก็คงเป็นค่า preload ของโชคหลัง ต่อให้เหยียบเบรกแรงแค่ไหนก็ไม่หวั่น ทุกอย่างก็จะทำงานได้สมดั่งปรารถนา แชซซีของฮอนด้านั้นเหมือนจะเหมาะสำหรับการขับแบบนิ่มนวล เลี้ยวไปเลี้ยวมาได้ง่าย จนเมื่อมาขับ Ninja จึงจะพบว่าเหมือนจะเหมาะมือกว่า เอียงตัวรถได้เร็วกว่าด้วยหน้ายางที่แคบกว่า ชอบที่จะอยู่ในภาวะการขับฉวัดเฉวียนมากกว่าที่จะขับแบบนิ่งๆ ซึ่งไม่รู้เพราะเหตุผลกลใดที่ฮอนด้าเลือกยากแบบล้อหน้า 120/70ZR-17 ล้อหลัง 160/60ZR-17 เลยน่าสงสัยว่าจะเป็นตัวทำให้การทำการเลี้ยวนั้นช้าลงไปหรือเปล่า
แต่จะไปโทษยางก็คงไม่ได้ซะทีเดียว อาจจะเพราะระบบกันสะเทือนที่นุ่มไปซึ่งก็เหมาะสมกันดีกับที่วางเท้าที่ต่ำของฮอนด้าที่จะช่วยลดการอาการสบัดของรถที่คุณอาจจะเผลอไปทำให้เกิดขึ้น
แต่หากมาขับบนทางเรียบแล้วละก็คุณจะชอบฮอนด้าตรงที่ขับสบาย นุ่มนวล ระบบกันสะเทือนที่ทำงานได้ดี ท่วงท่าการขับขี่ที่เหมาะทั้งคนตัวสูงและตัวเตี้ย แถมฮอนด้ายังทำดีในเรื่องของกระจกมองหลังที่กว้างและชัด เบาะนั่งสุดยอด ควบคุมลมปะทะได้ดี พร้อมทั้งตัวถังพลาสติดที่สดใสแวววาว ในทางตรงข้าม Ninja เหมือนเป็นรถแข่ง ไม่ใช่รถที่จะขับไปไหนมาไหนแบบชิลๆ แต่ก็ให้ความรู้สึกถึงความปราดเปรียว

หากคุณจะแนะนำรถมอเตอร์ไซค์คันเล็กที่ผลิตมาอย่างปราณีต ให้กำลังขับที่แกร่งไปด้วยประสิทธิภาพ ก็คงจะต้องแนะนำฮอนด้า CBR500R แต่หากจะแนะนำรถมอเตอร์ไซค์แนวสปอร์ตไว้ขับแบบมันส์ๆ แล้วละก็คงต้องแนะนะ Ninja 300
ก็ลองคิดดูนะครับว่ามอเตอร์ไซค์คันไหนจะเหมาะกับตัวคุณมากที่สุด
เรียบเรียงจาก Motorcyclistonline.com
ขอบคุณแหล่งที่มา : mocyclover.com
ขอบคุณรูปภาพจาก : motorcycle.in.th และ motones.ru
เมื่อ
จับ Honda CBR500R มาเทียบกับ NINJA 300 ผลจะเป็นอย่างไร - See more at:
http://mocyclover.com/honda-cbr500r-%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a-ninja-300-%e0%b9%83%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b0%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b8%a7%e0%b9%88%e0%b8%b2.html#sthash.ZWRldW23.dpuf